|
|
เด็กปฐมวัยวัยควรเรียนอะไร |
|
|
|
|
Written by Admin
|
|
Monday, 24 August 2020 |
|
เด็กอนุบาลหลายๆ โรงเรียนเรียนหนักมากค่ะ ทั้งอ่าน เขียน ท่องศัพท์ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความเครียดแล้ว ยังอาจไม่สอดคล้องกับพัฒนาการตามวัยของเขา ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีแต่ในบ้านเราเท่านั้น ที่สหรัฐอเมริกาก็มีความกังวลกันถึงวิธีสอนเด็กก่อนวัยเรียนเช่นกัน
การเรียนของเด็กอนุบาล 
ในอเมริกามีการค้นพบว่า เด็กอายุ 3-5 ขวบที่กำลังเรียนในโรงเรียนอนุบาลทั้งของรัฐและเอกชน ต้องเรียนสิ่งต่างๆ มากมาย ทั้งที่การมาโรงเรียนของเด็กวัยนี้ควรเป็นการให้เด็กได้พูดคุยกับคนรอบข้าง ได้ทำกิจกรรมตามที่ตัวเองอยากทำ ซึ่งมีทั้งการวาดรูป การร้องเพลง การทำการฝีมือ และวิ่งเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน แต่กลายเป็นว่า เวลานี้เด็กๆ ต้องเข้าห้องเรียน ที่เรียนจริงๆ จังๆ ทั้งอ่านเขียน ไม่ใช่มาโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นนักเรียนในวัยประถม
ครูและผู้ปกครองจำนวนมากเห็นด้วยกับการเรียนแบบนี้ ซึ่งอาจเห็นด้วยเพราะมีเจตนาดี โดยมองว่าเด็กที่มีโอกาสเรียนเต็มที่ตั้งแต่เล็ก โตขึ้นจะเรียนเก่ง จนสามารถเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ไม่ยาก ขณะที่ผู้ปกครองอีกกลุ่มไม่เห็นด้วย โดยมองว่าไม่ควรเร่งรัด หรือบังคับให้เด็กๆ ต้องเรียนก่อนวัย เพราะนอกจากจะทำให้เกิดความเครียดแล้ว พอถึงเวลาที่ต้องเรียนจริงๆ เด็กอาจต่อต้านการเรียนได้
เด็กปฐมวัยวัยควรเรียนอะไร
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เด็กก่อนวัยเรียนควรเรียนอะไร? คำตอบคือ การไปโรงเรียนของเด็กวัยนี้ควรเป็นการไปทำกิจกรรมต่างๆ พูดคุย การวาดรูป ร้องเพลง ทำการฝีมือ และวิ่งเล่น โดยยังไม่ต้องเน้นวิชาการ เนื่องจากในวัยนี้เด็กๆ จะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัว การเปิดโอกาสให้เขาได้ ซักถาม พูดคุยตามที่ต้องการ จะช่วยเสริมสร้างนิสัยรักการเรียนรู้ได้ดีกว่าการบังคับให้เขาต้องเรียนตามที่ครูกำหนด
ดังนั้น จึงควรให้เด็กได้พูด โดยเริ่มจากการให้เล่าเรื่องราวที่เพิ่งเกิดกับตัวเอง จากนั้นกระตุ้นให้เด็กรู้จักหาคำตอบสิ่งที่อยากรู้ ด้วยการถามเด็กถึงบางประเด็นที่เล่า ตามด้วยการต่อยอดให้เพื่อนๆ ช่วยถามและช่วยตอบ การทำเช่นนี้จะทำให้เขารู้จักพูดและคิด โดยที่เด็กๆ ไม่รู้สึกตัว การทำเช่นนี้จะช่วยให้พวกเขาเรียนเขียนอ่านคล่องเมื่อถึงเวลา
เคล็ดลับเลือกโรงเรียนให้ลูก
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ แนะนำเคล็ดลับการเลือกโรงเรียนให้ลูกว่า อย่าดูผลการประเมินคุณภาพการเรียนการสอนอย่างเดียว คุณพ่อคุณแม่ควรจะคุยกับครูหรืออาจารย์ใหญ่ เพื่อดูว่าเขาเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ดูแลลูกเราหรือไม่, สำรวจบรรยากาศโรงเรียน ว่ามีการดูแลอาคารสถานที่ดีหรือไม่, สำรวจดูห้องสมุด ว่ามีหนังสือที่ควรมีครบถ้วนหรือไม่, ดูกิจกรรมสำหรับนักเรียน การฝึกเด็กให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ ดูมาตรการด้านความปลอดภัย การให้ความช่วยเหลือในการเรียน ทั้งเวลาระหว่างหยุดพักกลางวันและหลังโรงเรียนเลิก และข้อสำคัญก่อนตัดสินใจ ควรพูดคุยกับผู้ปกครองที่ลูกเรียนโรงเรียนนั้นเพื่อให้ได้ข้อมูลจากมุมมองของผู้ปกครองและประสบการณ์จริงที่เด็กๆ ได้รับด้วย
แสดงแบบ : ด.ช.อภิรักษ์ มโนนุกุล
 |
|
|
|
|
|
เกาะติดความเคลื่อนไหวการแสดงความเห็นของหัวข้อนี้