หมวดหมู่บทความ เจริญเติบโตแข็งแรง 7 – 9 เดือน

Search by tag : เจริญเติบโตแข็งแรง, 7 – 9 เดือน, ยากับเบบี๋ ที่แม่ต้องรู้, Select Section, Select Category


หนูฉลาดได้ ด้วยอาหารสมอง
Written by Administrator   
Tuesday, 24 April 2012
          เดี๋ยวนี้ เด็กไทย ส่วนใหญ่ก็มีอยู่ 2 ประเภทค่ะ ไม่ผอมไป ก็อ้วนไป ซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุทำให้การเรียนไม่ดี อารมณ์เกรี้ยวกราดได้ง่าย เจ็บป่วยอยู่บ่อย และพัฒนาการทางสมองก็ช้า ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากอาหารการกินทั้งสิ้น ดังนั้น อย่าชะล่าใจ เริ่มต้นใส่ใจอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมองลูกน้อยกันเถอะค่ะ
ป.ปลา
         เราอาจรู้ว่าปลามีส่วนทำให้เด็กฉลาดกัน แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ปลามีประโยชน์ต่อสมองอย่างไร อธิบายง่ายๆ ว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของสมองคนเราเป็นไขมัน ดังนั้น การได้รับไขมันที่ดีที่มาจากปลาก็จะช่วยให้สมองมีองค์ประกอบไขมันที่ดีตามไปด้วย ไขมันดังกล่าวก็คือ DHA ทีนี้ก็พอจะคุ้นๆ กันแล้ว ใช่มั้ยคะ ซึ่งเป็นน้ำมันที่มาจากปลาที่เรารู้จักกันดี เช่น ปลาทู ปลาซาดีน ปลาแซลมอน เป็นต้น
วิตามินบี
ปัจจุบัน เรามักจะให้ความสำคัญพวกวิตามิน A,C,D กันมาก ทั้งๆ ที่ความจริง วิตามิน B ควรมาเป็นอันดับแรก คือถ้าขาดก็จะทำให้การทำงานของสมองจะไม่ดี ลองสังเกตดูค่ะ ถ้าเจ้าตัวเล็กหรือคุณสามีขาดสมาธิ ปวดหัวบ่อย นอนไม่หลับ ละเมอ กับชอบวิตกหรือชอบเครียด จูจี้ขี่บ่น โอกาสเป็นไปได้สูงเลยค่ะ ว่ารับวิตามินบีไม่เพียงพอ ดังนั้น ควรเอาใจใส่อาหารประเภทธัญพืช พวกขัดเปลือกออกน้อยที่สุด ที่เรียกว่า ข้าวซ้อมมือ นั่นล่ะ
กล้วย
สำหรับเด็กในช่วงวัยนี้ ก็ควรจะเน้นพวกกล้วย ซึ่งคุณแม่หลายคนก็คงให้ลูกหม่ำกันตามปกติอยู่แล้ว เพราะมีโปแตสเซียมสูง แค่วันละครึ่งลูกก็พอ หรือถ้ากลัวลูกเบื่อ ก็อาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เช่น แตงโม ถั่วต่างๆ ก็ได้ สำหรับถั่วเด็กบางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้ ก็ควรระวังไว้สักหน่อยค่ะ  
เบต้าแคโรทีน
พวกผักที่มีเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ก็พวกผักที่มีสีเหลืองปน เช่น แครอท ฟักทอง ซึ่งมีสารสำหรับปรับเป็นวิตามินเอ เด็กฉลาดจำเป็นต้องมีสายตาที่ดีด้วย นอกจากนี้ ยังมีเกลือแร่อีก 2 ชนิด ก็คือ สังกะสีกับเหล็ก ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมองค่อนข้างมาก เช่น เนื้อแดง ไข่ไก่ แตงกวา เห็ด ผักใบเขียวต่างๆ เป็นต้น
อาหารสำหรับอารมณ์
แม้จะมีสติปัญญาดีเพียงใด แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดี เด็กก็คงฉลาดยากค่ะ ดังนั้น ถ้าอยากให้ลูกฉลาดล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นวัยใดก็ตาม ควรพิถันพิถันให้ความสำคัญกับอาหารมื้อเช้าเป็นพิเศษ ไม่ใช่แบบบเร่งรีบ โดยอาหารเช้าแต่ละมื้อ ควรเน้นให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน และอาหารธัญพืช พวกข้าวซ้อมมือ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสมองมากๆ ค่ะ

ไม่ใช่แค่กินอย่างเดียว
ก็มีการศึกษากันค่ะ ว่าทำไมเด็กญี่ปุ่นถึงมีไอคิวอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่สูง ถ้าเทียบกับเด็กหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะพี่เบิ้มอย่างอเมริกา ก็เพราะพ่อแม่ญี่ปุ่นจะเน้นหนักอาหารประเภทปลามากกว่าเนื้อนั่นเอง และอีกหนึ่งสาเหตุก็คือ ครอบครัวญี่ปุ่น แม้งานจะยุ่งสักเพียงใด เขาก็มักจะทานอาหาร่วมกันเป็นประจำและเป็นเวลาด้วยค่ะ
ขอขอบคุณ เสื้อผ้า (ใส่โลโก้ให้ด้วย)



แสดงแบบ ด.ญ.เย็นตา โอทอง (น้องปัซ)
ความเห็น (0)Add Comment
เขียนแสดงความเห็น

busy